1. ทำไมเนื้อหนังต่อสู้กับพระวิญญาณ?
ปกติแมวกับหนูมันไม่ถูกกัน เป็นศัตรูกัน พระคัมภีร์ก็กล่าวว่าเนื้อหนังกับพระวิญญาณก็ไม่ถูกกัน เป็นศัตรูกัน แล้วทำไมเป็นศัตรูกัน ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะตอบถูก แต่ปกติในการสงครามมักเกิดจากผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกัน เช่น ความร่ำรวย หรือความยิ่งใหญ่ ที่เรียกสั้นๆว่า กิเลส
เมื่ออ่านพระคัมภีร์เราก็จะพบว่าพวกธรรมาจารย์ก็ไม่ชอบพระเยซู มาดูซิว่าทำไม? พวกธรรมาจารย์คือผู้ที่รู้พระคัมภีร์หรือบทบัญญัติของพระเจ้าและสั่งสอนประชาชน พระคัมภีร์ก็เรียกว่าพวกนี้เป็นฝ่ายเนื้อหนัง ส่วนพระเยซูได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน พระคัมภีร์กำหนดให้เป็นฝ่ายพระวิญญาณ ในสภาวะปกติทั้งสองจึงต้องเป็นศัตรูกัน ดังจะเห็นได้ว่า พวกธรรมาจารย์จะทดสอบและปลุกปั่นประชาชนไม่ให้เชื่อถือพระเยซู โดยกล่าวหาพระเยซูว่า พูดหมิ่นประมาทพระเจ้า ใช้อำนาจผี หรือทำผิดธรรมบัญญัติ ฯลฯ ก็ต่อต้านได้ระดับหนึ่ง แต่ฝ่ายเนื้อหนังที่ใหญ่ขึ้นอีกคือพวกปุโรหิต เป็นพวกที่อ้างว่าใกล้ชิดพระเจ้า เพราะมีตำแหน่งที่แต่งตั้งตามกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าให้มา พวกนี้ก็กล่าวหาพระเยซูว่า พูดจาหมิ่นประมาทพระเจ้า และสามารถเอาพระเยซูไปตรึงที่กางเขนได้
ในยุคนี้ก็เช่นกัน คนที่สอนหรือเป็นตัวแทนของพระคัมภีร์ที่เชื่อในพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะพูดจาใส่ร้าย และกีดกันคนฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะดีขึ้นมาก แต่ก็สามารถเห็นความไม่ชอบหรือเกลียดชังอยู่ลึกๆ และก็ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
"เพราะใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า" (โรม 8:7)
2. มนุษย์ฝ่ายเนื้อหนังและฝ่ายพระวิญญาณต่างกันอย่างไร?
ถ้าเช่นนั้น มนุษย์ฝ่ายเนื้อหนังและฝ่ายพระวิญญาณต่างกันอย่างไร? พระธรรมวิวรณ์ที่เป็นหนังสือไปถึงทูตสวรรค์ที่เมืองเลาดีเซียในบทที่ 3 ข้อ 17 และ 18 ชี้แจงได้ชัดเจนมาก มีดังนี้
“ข้อ 17 เพราะเจ้าพูดว่า “เราเป็นคนมั่งมีได้ทรัพย์สมบัติทวีมากขึ้น และเราไม่ต้องการสิ่งใดเลย” เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นคนน่าสังเวช เป็นคนขัดสน เป็นคนตาบอด และเปลือยกายอยู่
ข้อ 18 เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์ในไฟแล้วจากเรา เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี และเสื้อผ้าขาวเพื่อจะนุ่งห่มได้ และเพื่อความละอายแห่งกายเปลือยเปล่าของเจ้าจะไม่ได้ปรากฏ และเอายาทาตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะแลเห็นได้”
พวกเราเชื่อว่าความร่ำรวยเป็นการอวยพรของพระเจ้า ทำให้เรามีความสุข พอสุขมากๆ เกิดอะไรขึ้นครับ? คำตอบก็คือ ความเกียจคร้าน ไม่ชอบงานหนัก ความกระตือรือร้นก็หายไป คนรวยจะให้มาทำงานหนักได้อย่างไร?
แต่พระเจ้ามองต่างไป พระเจ้าต้องการคนที่กระตือรือร้น จริงจัง จึงมองความร่ำรวยของเราว่าเป็นความแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นคนน่าสังเวช เป็นคนขัดสน เป็นคนตาบอด และเปลือยกายอยู่ จึงเสนอให้เราซื้อทองคำที่หลอมบริสุทธิ์ เสื้อผ้าที่จะปิดกายที่เปลือยเปล่า และยาทาตาเพื่อเราจะมองเห็นได้ ทำไมพระเจ้ามองแบบนั้น? แล้วเราจะซื้อสิ่งที่พระองค์เสนอได้อย่างไร?
3. ทองคำ เสื้อผ้าสีขาว และยาทาตา ซื้อได้อย่างไร?
ทองคำบริสุทธิ์ เปรียบได้กับการให้พระวิญญาณนำเราเข้าสู่การทดลอง ไปถูกหลอมด้วยไฟ เพื่อจะพิสูจน์ว่าเราเป็นคนฝ่ายพระวิญญาณที่แท้จริง หรือเป็นบุตรของพระเจ้า ถ้าของจริงต้องพิสูจน์ครับ พระเยซูก็ถูกการทดลองความเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพญามารในถิ่นทุรกันดาร 40 วัน 40 คืน เกี่ยวกับการดำรงชีวิต อัศจรรย์ และความยิ่งใหญ่ ทุกคนที่ปรารถนาจะเป็นบุตรพระเจ้า เพื่อจะเข้าแผ่นดินสวรรค์ ก็ต้องผ่านการพิสูจน์ว่าเป็นบุตรแท้
เสื้อผ้าสีขาวเพื่อนุ่งห่ม ในพระธรรมวิวรณ์ เปรียบชีวิตฝ่ายเนื้อหนังที่มีความผิดบาป คือการเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ เสื้อผ้าสีขาวที่พระเจ้าให้เราไปซื้อ เพื่อปกปิดความรู้สึกผิดบาป ในการดำเนินชีวิตเราจะรู้สึกผิดบาปเมื่อเรากระทำบางอย่างที่คิดว่าผิด เช่นอ่านพระคัมภีร์แล้วเหมือนมีการฟ้องผิด เหตุเพราะการชำระให้บริสุทธิ์บนไม้กางเขนยังไม่สมบูรณ์ในเรา ก็ต้องทำให้สมบูรณ์โดยพระวิญญาณและคำสอน ในเรื่องนี้พระธรรมกาลาเทียและโรมอธิบายไว้ชัดเจน
ส่วนยาทาตา คือการยอมให้พระวิญญาณเข้ามาสอนและเปิดตาใจของเราให้เห็นความจริงของพระเจ้า หรือโลกฝ่ายพระวิญญาณว่าเป็นอย่างไร? คนของฟ้าสวรรค์เขาดำเนินชีวิตกันอย่างไร? แตกต่างกับชาวโลก หรือฝ่ายเนื้อหนังอย่างไร? แต่ก่อนเราเห็นสลัวๆ ยาทาตาจะทำให้เราเห็นชัดเจน
สมาชิกที่เฉวงบุรี รีสอร์ท เกาะสมุยจึงเป็นบุตรพระเจ้า เพราะเราเชื่อว่าเรามาจากฟ้าสวรรค์ ไม่มีผี ไม่มีบาป ไม่มีสิ่งใดมาฟ้องผิดเราได้ เพราะเราดำเนินชีวิตอยู่ในความจริงของพระคริสต์
ท่านจะซื้อทองคำ เสื้อผ้าและยาทาตาได้อย่างไร? ก็โดยการยินยอมให้พระวิญญาณทรงนำในชีวิตของท่าน
4. สรุปจากพระธรรมกาลาเทีย
ผมจะยกตัวอย่างเพียงบางข้อ แต่ท่านต้องไปอ่านนะครับจะได้สมบูรณ์ ในกาลาเทีย
2:6 ..เพราะว่าโดยการกระทำตามพระราชบัญญัตินั้น ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้เลย
4:7 เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้วท่านก็เป็นทายาทของพระเจ้าโดยทางพระคริสต์
4:16 ข้าพเจ้าจึงได้กลายเป็นศัตรูของท่านเพราะข้าพเจ้าบอกความจริงแก่ท่านหรือ
4:19 ..จนกว่าพระคริสต์จะได้ทรงก่อร้างขึ้นในตัวท่าน
4:23 บุตรที่เกิดจากหญิงทาสนั้นก็เกิดตามเนื้อหนัง แต่ส่วนบุตรที่เกิดจากหญิงที่เป็นไทยนั้นเกิดตามพระสัญญา
4:29 แต่ในครั้งนั้นผู้ที่เกิดตามเนื้อหนังได้ข่มเหงผู้ที่เกิดตามพระวิญญาณฉันใด ปัจจุบันนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น
5:5 เพราะว่าโดยพระวิญญาณและความเชื่อ เราก็รอคอยความชอบธรรมที่เราหวังว่าจะได้รับ
5:14 เพราะว่า ธรรมบัญญัติทั้งหมดสรุปได้เพียง “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”
5:18 แต่ถ้าพระวิญญาณทรงนำท่าน ท่านก็ไม่อยู่ใต้พระราชบัญญัติ
5:19-23 อธิบายการงานของเนื้อหนังและพระวิญญาณ
5:24 ผู้ที่เป็นของพระคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยากและราคะตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนเสียแล้ว
5:25 ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย
ผมไม่อธิบายนะครับ เพราะพระธรรมกาลาเทียเขียนไว้ดีและชัดเจน ชีวิตฝ่ายพระวิญญาณนั้นพิจารณาเรื่องต่างๆ ไม่เหมือนกับฝ่ายเนื้อหนัง ตัวอย่างเช่น ในธรรมบัญญัติต้องมีการล่วงประเวณีทางร่างกายเกิดขึ้นก่อนจึงถือว่าผิด แต่พระเยซูตรัสว่า “ผู้ใดมองผู้หญิงเพื่อให้เกิดใจกำหนัดในหญิงนั้น ผู้นั้นได้ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว” (มัทธิว 5:28)
5. รู้จักแยกมิตรและศัตรู
มหาปุโรหิตก็มีสองประเภท ประเภทแรกเป็นมาโดยเนื้อหนัง หรือธรรมบัญญัติที่พระเจ้ากำหนดไว้ มีเผ่าเลวีทำหน้าที่นี้ มีการคัดเลือกให้เป็นปุโรหิตและมหาปุโรหิต ส่วนประเภทที่สอง คือปุโรหิตโดยพระวิญญาณ นั่นก็คือ เมลคีเซเดค (ฮีบรู 7:1-3) พระเจ้าทรงแต่งตั้งโดยพระดำรัส และพระเยซูก็เป็นปุโรหิตตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค ดังนั้น ปุโรหิตตามเนื้อหนังจึงต่อสู้และต้องการฆ่าปุโรหิตตามแบบพระวิญญาณ จนพระเยซูต้องถูกตรึงที่กางเขน
ทิ้งสามีเก่าเสียเถิด (เป็นคำอุปมาครับ)
ในการสู้รบเราจะต้องแยกมิตรและศัตรูให้ชัดเจน โดยเฉพาะเนื้อหนังกับพระวิญญาณ เพราะมันอยู่ใกล้ชิดกันจนแยกลำบาก ดังตัวอย่างที่เรากลายเป็นคนล่วงประเวณี โดยที่เราคาดไม่ถึงว่าได้กระทำผิดต่อพระเจ้าอย่างร้ายแรง ปรากฏในโรม บทที่ 7 เรื่องธรรมบัญญัติและการแต่งงาน เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ขอแสดงให้เห็นดังนี้
สามีเก่า = ธรรมบัญญัติ (เนื้อหนัง)
ภรรยา = ผู้เชื่อทั้งหลาย (คริสเตียน)
สามีใหม่ = พระวิญญาณบริสุทธิ์ (พระเจ้า)
การตายบนไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ส่งผลให้สามีเก่าของเราได้ตาย ซึ่งก็คือธรรมบัญญัติหรือพระคัมภีร์ได้ตายลง เพราะสามีเก่าหรือธรรมบัญญัติไม่สามารถช่วยให้เราเป็นคนดีได้ ภรรยาหรือผู้เชื่อทุกคนก็มีอิสระที่จะแต่งงานใหม่ พระเจ้าก็ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เป็นสามีใหม่ หรือจะกล่าวให้ชัดเจนว่า พระเจ้าได้มาเป็นสามีของเรา
แต่พวกเราก็ชอบแอบไปล่วงประเวณี (มีชู้) กับสามีเก่าหรือพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามีใหม่หรือพระเจ้า (พระวิญญาณ) เกลียดชังมาก เพราะสามีใหม่ย่อมหึงหวงภรรยา (ยากอบ 4:5)
สิ่งที่สำคัญมากคือ ผู้เชื่อต้องดำเนินชีวิตร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่กระทำผิดประเวณีเช่นทุกวันนี้
พระเยซูคริสต์กล่าวว่าเรามาไม่ได้มายกเลิกธรรมบัญญัติแต่มาทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์ อักษรทุกคำในธรรมบัญญัติจะต้องสำเร็จ นั้นหมายความว่า สิ่งดีงามต่างๆ ในธรรมบัญญัติที่กำหนดให้เราประพฤติ แต่เราไม่สามารถประพฤติตามได้ครบถ้วน พระองค์จะมาช่วยให้เราปฏิบัติได้ครบถ้วน โดยพระคุณของพระเจ้าทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้น พระสัญญาเดิมจึงถูกทำให้เป็นโมฆะทางพระเยซูคริสต์ บนไม้กางเขน เพื่อให้เราได้รับพระสัญญาใหม่ทางพระวิญญาณบริสุทธิ์
ฮีบรู 8:13 “เมื่อพระองค์ตรัสถึง 'พันธสัญญาใหม่' พระองค์ทรงถือว่า พันธสัญญาเดิมนั้นพ้นสมัยไปแล้ว และสิ่งที่พ้นสมัยและเก่าไปแล้วนั้น ก็พร้อมที่จะเสื่อมสูญไป”
ทีนี้ถึงเวลาทิ้งสามีเก่าได้แล้วนะครับ (นี่ก็คำอุปมาเข่นกันครับ)
***********************